…สัตว์โลกนี้เดือดร้อนเพราะผัสสะบังหน้า เขาสำคัญโดยประการใด สิ่งนั้นล้วนเป็นโดยประการอื่น…
———————————————————————————————
สัตว์โลกนี้เดือดร้อนเพราะผัสสะบังหน้า เขาสำคัญโดยประการใด สิ่งนั้นล้วนเป็นโดยประการอื่น
คือ มันไม่ใช่รูป ไม่ใช่เสียง ไม่ใช่กลิ่น ไม่ใช่รส ไม่ใช่สัมผัสกาย ไม่ใช่ธรรมารมณ์
ความ”เป็นอื่น” คือเรื่องของการละอวิชชา ถ้าจะละอวิชชาแล้วไม่ปรุงสังขารต่อไป ก็คือเห็นรูปเป็นอื่น คือมันไม่ใช่รูป เห็นเสียงเป็นอื่นมันไม่ใช่เสียงนี่อย่างไร จนถึงเห็นวิญญาณเป็นอื่น ผัสสะเป็นอื่น เวทนาเป็นอื่น ถ้าไม่ใช่เวทนาแล้วมันจะเอาอะไรมาปรุง
อวิชชา มันไม่รู้ว่ารูปไม่ใช่รูป ไม่ใช่เสียง ไม่ใช่กลิ่น ไม่ใช่รส ไม่ใช่สัมผัสกาย ไม่ใช่ธรรมมารมณ์
หลักธรรมศาสนาพุทธ สั้นๆ ก็คือ “สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” ข้อนี้ท่านก็จะใช้ในเรื่อง “เป็นอื่น” เหมือนกันนะ ใช้คำว่า “ไม่มั่นหมาย” ไม่มั่นหมายซึ่งเสียง ไม่มั่นหมายในเสียง ไม่มั่นหมายโดยความเป็นเสียง ไม่มั่นหมายว่าเสียงของเรา
ท่านพุทธทาสก็สรุปว่า เขามั่นหมายโดยความเป็นสิ่งใด สิ่งนั้นล้วนเป็นโดยประการอื่นจากที่เขามั่นหมายทั้งหมด คือแก่นของพระศาสนา ซึ่งจบเรื่องนี้เลย ถ้าเห็นแล้วว่าสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ท่านถือว่าจบกิจแล้ว ก็คือถ้ามันไม่ใช่เสียง นี่โยมว่า จะมีสุขทุกข์จากเสียงไหม จะมีราคะโทสะโมหะจากเสียงไหม ท่านก็ใช้ว่าปรินิพพานเฉพาะตน กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่ยิ่งกว่านี้ไม่มี นี้คือคำว่า “เป็นอื่น”
———————————————————————————————
จากพระธรรมเทศนาหลวงพ่ออำนาจ โอภาโส
รับฟังฉบับเต็มได้ที่: 620216_3 คอร์สบ่มวิมุตติ ๔ (ค่ำ)